วิชาวิจัยทางการศึกษา
วันเสาร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2560
วันพุธที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2560
การวิจัยทางการศึกษา รหัส 5641060112
การวิจัยทางการศึกษา
การวิจัยทางการศึกษา
1. ปัญหาวิจัยควรมีลักษณะอย่างไร
- เป็นกระบวนการค้นหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับปรากฏการณ์ใด
- มีวัตถุประสงค์ จุดมุ่งหมายที่ชัดเจน
- วิธีการศึกษาที่มีความเป็นมา
2. จุดมุ่งหมายของการค้นคว้าเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องเพื่อเลือกปัญหาการวิจัยกับหลังจากได้ปัญหาการวิจัยแล้ว เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร
- เหมือนกัน เพราะเป็นการศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติมหรือนำมาต่อยอดความรู้ในปัญหาการวิจัยและใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงในการทำวิจัย
3. ลักษณะของสมมุติฐานที่ดีมีอะไรบ้าง
- สอดคล้องกับการวิจัยลักษณะเดียวกันที่ผ่านมา
- สะท้อนแนวคิดที่จะทำวิจัยอย่างชัดเจน
- ควรใช้คำอธิบายที่มีเหตุผล
- จะต้องทดสอบใช้
4. เหตุใดประชากรจึงมีความสำคัญมากในการวิจัย
- เพราะ ประชากรเป็นกลุ่มของสิ่งต่างๆที่เป็นส่วนหนึ่งของประชากรทั้งหมดที่ผู้วิจัยสนใจที่จะศึกษาหาข้อเท็จจริงหรือเป็นองค์ประกอบสำคัญในการทำวิจัย
5. การเลือกตัวอย่าง หรือการสุ่มตัวอย่างมีประโยชน์อย่างไรในการวิจัย
- ผลการวิจัยไม่สามารถอ้างอิงไปสู่ประชากรทั้งหมดได้จะสรุปอยู่ในขอบเขตของกลุ่มตัวอย่าง
- กลุ่มตัวอย่างที่ได้นั้นขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้วิจัยและองค์ประกอบบางตัวที่ไม่สามารถควบคุมได้
6. ในการกำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างควรพิจารณาถึงสิ่งใดบ้าง
- โดยใช้ ทฤษฎีการประมาณค่า
N = จำนวนประชากร
7. การเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยวิธีการสังเกตให้ได้คุณภาพควรทำอย่างไร
- ศึกษาวัตถุประสงค์ของการวิจัย
- ตรวจสอบข้อมูลและประมวลเบื้องต้น
- สร้างแบบแผนการเก็บตัวอย่าง
- อบรมพนักงานสนามให้เข้าใจถึงวัตถุประสงค์ของการวิจัยและขั้นตอนสังเกตข้อมูล
- เก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบตามวัตถุประสงค์ของงานวิจัย
8. การเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ จะต้องเตรียมตัวอย่างไร
- เป็นการถามตอบกันโดยตรง
- มีการสนทนากันระหว่างผู้มีข้อมูลกับผู้ต้องการทราบข้อมูล
- หากมีข้อสงสัยหรือไม่เข้าใจก็ถามซ้ำและทำความเข้าใจได้ทันที
- เป็นการสร้างความมั่นใจให้ทั้งผู้ตอบและผู้ทำวิจัย
9. คุณสมบัติที่ดีของเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยควรมีลักษณะอย่างไร
- มีความเที่ยงตรง
- เชื่อมั่น
- จำแนกสิ่งที่รู้/ไม่รู้
- ความเป็นปรนัย ใครอ่านก็เข้าใจคืออะไร
10. เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลวิจัยมีอะไรบ้าง
- สังเกต
- สัมภาษณ์
- แบบทดสอบ
- แบบสอบถาม
11. ข้อมูลปฐมภูมิและข้อมูลทุติยภูมิมีความแตกต่างกันอย่างไร
- ข้อมูลปฐมภูมิ เป็นข้อมูลที่ผู้วิจัยรวบรวมแหล่งข้อมูลโดยตรงข้อมูลประเภทนี้ได้มาจากการสำรวจสัมภาษณ์
- ข้อมูลทุติยภูมิ เป็นข้อมูลที่ไม่ได้มาจากแหล่งข้อมูลโดยตรงแต่ได้มาจากข้อมูลที่ผู้อื่นรวบรวมไว้แล้ว
12. การรวบรวมข้อมูลให้ได้คุณภาพควรคำนึงถึงสิ่งใด
- แหล่งข้อมูล
- ระดับการวัด
- การเป็นตัวแทน
13. การวิเคราะห์ข้อมูลมีหลักสำคัญที่จะต้องคำนึงถึงคืออะไร
- วิเคราะห์เพื่อตอบจุดประสงค์
- เครื่องมือที่ใช้เก็บข้อมูลอยู่ระดับการใด
- เปรียบเทียบและแปลความหมายของเกณฑ์
14. รายงานการวิจัยฉบับสมบูรณ์มีหัวข้อใดบ้าง
- หน้าปก
- กิตติกรรมประกาศ
- สารบัญ
- เนื้อเรื่อง
- เอกสารอ้างอิง
- ภาคผนวก
- ประวัติผู้จัดทำ
15. การเขียนรางงานการวิจัยภาคผนวกมีความสำคัญอย่างไร
- มีขั้นตอนการปฏิบัติงานอย่างถูกต้องและชัดเจน
- หลักฐานในการปฏิบัติและการทดสอบหรือทดลอง
- มีความน่าเชื่อถือและได้ลงมือปฏิบัติจริง
- มีความสำคัญต่อความมั่นคงของกลุ่ม
16. การเขียนบรรณานุกรมโดยทั่วไปเขียนอย่างไร
- ชื่อผู้แต่ง
- ชื่อเรื่อง
- ปี พ.ศ. ตีพิมพ์
17. ลักษณะที่ดีของผลการวิจัยที่จะนำไปใช้ควรเป็นอย่างไร
- ผลการทดสอบหรือทดลองตรงตามจุดประสงค์
- สามารถตอบจุดประสงค์การวิจัย
- วิเคราะห์ข้อมูลถูกต้องครบถ้วนเป็นอย่างระบบ
- เครื่องมือใช้วัดอยู่ในระดับเชื่อถือได้
18. การวิเคราะห์ว่า “ผลการวิจัยมีความถูกต้องน่าเชื่อถือ” จากข้อมูลใดบ้าง
- เครื่องมือในการวัดผล แบบทดสอบ ,แบบทดสอบวัดความถนัด ,แบบทดสอบวัดบุคคลและสังคม
นางสาวอัจฉรา มะณีกรดรหัสนักศึกษา 5641060112
สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ทั่วไป กลุ่ม 12 รุ่น 56 คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี
จุดประสงค์การเรียนรู้วิชาการวิจัยเพื่อการศึกษา room12/56
จุดประสงค์การเรียนรู้วิชาการวิจัยเพื่อการศึกษา
จุดประสงค์การเรียนรู้วิชาการวิจัยเพื่อการศึกษา
จุดประสงค์การเรียนรู้ :
1. ผู้เรียนสามารถรู้และเข้าใจความหมายของการวิจัยเพื่อการศึกษา (Knowledge)
2. ผู้เรียนสามารถทำตามขั้นตอนและทฤษฏีของการวิจัยเพื่อการศึกษาได้ (Knowledge)
3. ผู้เรียนสามารถประยุกต์ใช้การวิจัยเพื่อการศึกษาให้เหมาะกับรายวิชาวิทยาศาสตร์ได้ (Do)
จุดประสงค์การเรียนรู้ :
1. ผู้เรียนสามารถรู้และเข้าใจความหมายของการวิจัยเพื่อการศึกษา (Knowledge)
2. ผู้เรียนสามารถทำตามขั้นตอนและทฤษฏีของการวิจัยเพื่อการศึกษาได้ (Knowledge)
3. ผู้เรียนสามารถประยุกต์ใช้การวิจัยเพื่อการศึกษาให้เหมาะกับรายวิชาวิทยาศาสตร์ได้ (Do)
ตาราง 15 สัปดาห์ วิชาการวิจัยทางการศึกษา
ที่
|
กิจกรรม
|
ชิ้นงาน
|
1
|
ปฐมนิเทศ ชี้แจ้งวิชาเรียน เกณฑ์การให้คะแนน
|
-
|
2
|
การศึกษาความหมายทฤษฎีการวิจัยและลักษณะของการวิจัย
|
-
|
3
|
การศึกษาความหมายทฤษฎีการวิจัยและลักษณะของการวิจัย
|
-
|
4
|
ประโยชน์และความสำคัญของการวิจัย
|
-
|
5
|
จรรยาบรรณนักวิจัยรูปแบบการวิจัย
|
-
|
6
|
สอบกลางภาค
|
คะแนนสอบ
|
7
|
การออกแบบการวิจัย
|
-
|
8
|
กระบวนการวิจัยสถิติเพื่อการวิจัย
|
-
|
9
|
การวิจัยในชั้นเรียนการเสนอโครงการเพื่อทำวิจัยการฝึกปฏิบัติการวิจัยทางการศึกษา
|
-
|
10
|
การเขียนรายงานการวิจัยการนำเสนอผลการวิจัย
|
-
|
11
|
การศึกษาค้นคว้างานวิจัยเพื่อพัฒนากระบวนการจัดการเรียนรู้
|
-
|
12
|
การใช้กระบวนการวิจัยเพื่อ พัฒนาการเรียนการสอนและพัฒนาผู้เรียน
|
-
|
13
|
การใช้กระบวนการวิจัยเพื่อ พัฒนาการเรียนการสอนและพัฒนาผู้เรียน
|
-
|
14
|
นำเสนองาน
| |
15
|
สอบปลายภาค
|
คะแนนสอบ
|
ประวัติส่วนตัวนางสาวอัจฉรา มะณีกรด รหัส112
ประวัติส่วนตัว
ประวัติส่วนตัว
ชื่อ-นามสกุล นางสาวอัจฉรา มะณีกรด ชื่อเล่น จีจี้
รหัสนักศึกษา 5641060112 ห้อง 12
กำลังศึกษา ชั้นปีที่ 4 สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ทั่วไป คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี
ที่อยู่ปัจจุบัน 468 หมู่ 3 ซอยบางโปรง 10 ต.บางโปรง อ.เมือง จ.สมุทรปราการ 10270
เบอร์โทร 083-700-5332
E-mail audcharajeje10@gmail.com
Facebook Audchara Maneekrod
ประวัตการศึกษา
ระดับชั้นอนุบาล : โรงเรียนเขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท
ระดับชั้นประถมศึกษา : โรงเรียนนิลรัตน์อนุสรณ์ จังหวัดสมุทรปราการ
ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น : โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า สมุทรปราการ
ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย : โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า สมุทรปราการ
การระดมสมองช่วงเช้า Room12
การระดมสมองช่วงเช้า (3/มีนาคม/2560)
การวิจัยเพื่อการพัฒนาการเรียนรู้ ประกอบด้วย
(ก) สาระความรู้ 1. หลักการแนวคิด,แนวปฏิบัติในการวิจัย
2. การใช้และผลิตงาน วิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนรู้
(ข) สมรรถนะ 1. สามารถนำผลการวิจัยไปใช้ในการจัดการเรียนการสอน
2. สามารถทำวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนการสอนแล้วนำไปพัฒนาผู้เรียน
- พัฒนาคุณภาพ (ผู้บริหารเรียน)
- กระบวนการเรียนรู้ (นักเรียน)
- การพัฒนาการเรียนรู้ (ครู)
แนวคิด ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนรู้ และการจัดการชั้นเรียน
1.ทฤษฎีการสร้างองค์ความรู้ (Constructivism)
2. Constructivist learning Method: CLM
3. แนวคิดมิติใหม่ทางการศึกษาของมาร์ซาโน (Meta cognitive system and Marzano’ New Taxonomy)
4. แนวคิดการจัดการเรียนรู้ Bigg s3’p Model
5 .แนวคิดการออกแบบการเรียนรู้ที่เป็นสากล (Universal Design for Learning : UDL)
6. SU Learning Model
งานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอน
1. Meyers and other (2002) Meyers and Mcnulty(2009)
2. Bigg’s 3 P Model (2003)
3. Zvia and Yehudit (2008)
4. สุเทพ อ่วมเจริญ ประเสริฐมงคล และวัชรา เล่าเรียนดี (2559)
5. ชูสิทธิ์ ทินบุตร (2556)
6. พงศ์ธนัช แซ่จู (2554)
รูปแบบ DRU เพื่อพัฒนา Meta Cognition สาหรับนักศึกษาประกาศนียบัตรบัณฑิต สาขาวิชาชีพครู
ทฤษฎี/แนวคิด
|
ขั้นตอน/กิจกรรม การเรียนรู้
| ||||
Constructivist
|
Clarifying exist knowledge
|
Identifying receiving and understanding new information
|
Confirming and using new knowledge
| ||
Biggs’s 3P
|
Presage
|
Process
|
Product
| ||
Research Learning
|
วิเคราะห์จุดหมายในการเรียนรู้
|
วางแผนการเรียนรู้
|
การพัฒนาทักษะการเรียนรู้
|
การสรุป/การวิพากษ์ความรู้
|
ประเมินการเรียนรู้
|
SU Learning Model
|
การวางแผนการเรียนรู้
|
การออกแบบการเรียนรู้
|
ปฏิบัติการการเรียนรู้
(การเรียนรู้+การจัดการชั้นเรียน)
|
การประเมินการเรียนรู้
| |
ทฤษฎี/แนวคิด
|
ขั้นตอน/กิจกรรม การเรียนรู้
| ||||
DRU Model
|
D: การวินิจฉัยและออกแบบการเรียนรู้ (Diagnosis of needs)
|
R: การใช้วิจัยเพื่อพัฒนาสิ่งแวดล้อมการเรียนรู้ ซึ่งในที่นี้สิ่งแวดล้อมการเรียนรู้ (Research in effective learning environment )
|
U: ขั้นการประเมิน ตรวจสอบทบทวนตนเองและการยืนยันความถูกต้อง และนาความรู้ใหม่ที่ได้รับจากขั้น R(Universal Design for learning )
| ||
การประกันคุณภาพการสอน
ด้านที่ 1 การวางแผนและเตรียมการสอน
ความรู้เนื้อหา จัดทำแผน
1. การแสดงให้เห็นว่ามีความรู้ในเนื้อหาและวิธีการสอน
2. การแสดงให้เห็นว่ารู้จักนักเรียน
3. การเลือกเป้าหมายการสอน
4. การแสดงให้เห็นว่ารู้จักแหล่งความรู้
5. การวางแผนการสอนให้สอดคล้องกัน
6. การประเมินการเรียนรู้ของนักเรียน
ด้านที่ 2 สภาพแวดล้อมและบรรยากาศของชั้นเรียน
ทักษะของครูในการจัดสภาพห้องเรียนที่เอื้อต่อการเรียนรู้ทั้งด้านกายภาพและความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล
1. การสร้างบรรยากาศแห่งการยอมรับกันและการสร้างไมตรีจิต
2. การสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้
3. การจัดการชั้นเรียน
4. การจัดการด้านพฤติกรรมของนักเรียน
5. การจัดห้องเรียน
ด้านที่ 3 การสอน
ทักษะของครูที่ทำให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้เนื้อหา รวมทั้งยุทธวิธีการสอนต่าง ๆ ที่ช่วยให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้
1. การสื่อสารอย่างถูกต้องและชัดเจน
2. การใช้เทคนิคการถามและการอภิปราย
3. การจูงใจนักเรียนสู่การเรียนรู้
4. การตอบสนองความต้องการของนักเรียน
5. การแสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นและตอบสนองอย่างมีประสิทธิภาพ
ด้านที่ 4 ความรับผิดชอบด้านวิชาชีพ
หน้าที่รับผิดชอบวิชาชีพครูด้านอื่น ๆ ได้แก่ การประเมินตนเองและความสุขุมรอบคอบ ความสัมพันธ์กับพ่อแม่ การเข้าร่วมในการพัฒนาวิชาชีพ และการอุทิศตน
1. การคิดย้อนทบทวน
2. การเก็บรักษาระเบียนข้อมูลให้ถูกต้อง
3. การสื่อสารกับครอบครัวนักเรียน
4. การอทิศตนให้แก่โรงเรียน
5. การสร้างความก้าวหน้าและพัฒนาตนเองด้านวิชาชีพ
6. การแสดงความเป็นผู้มีวิชาชีพ
การวิเคราะห์ปัญหาเพื่อพัฒนาการเรียนรู้
การเรียนการสอน
1. การวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานของผู้เรียน
2. แผนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
3. สื่อการสอนที่สอดคล้องกิจกรรม
4. การประเมินตามสภาพจริง
5. สอดแทรกคุณธรรม จริธรรม
6. ส่งเสริมผู้เรียนใช้แหล่งการเรียนรู้
การเรียนรู้/ความก้าวหน้า/ผลการเรียน
1. การจัดทำหลักสูตรระดับสถานศึกษา
2. การนำหลักสูตรไปสู่การปฏิบัติจริง
3. แฟ้มสะสมงานของผู้เรียน
4. การจัดทำแผนการประเมิน
5. เครื่องมือวัด/ประเมินที่มีคุณภาพ
6. จัดทำหลักฐานและนำผลการประเมินไปใช้
ยุทธศาสตร์การสอน
1. จัดกิจกรรมกระตุ้นให้มีความพร้อมเรียน
2. ผู้เรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรมการสอน
3. ผู้เรียนได้สรุปความรู้ด้วยตนเอง
4. ผู้เรียนได้ฝึกคิด แก้ปัญหา และปฏิบัติจริง
5. ปลุกฝังการทำงานเป็นกลุ่ม สร้างนิสัยที่ดี
6. ผู้เรียนมีความเข้าใจและมั่นใจในการเรียน
นางสาวอัจฉรา มะณีกรด รหัสนักศึกษา 5641060112
สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ทั่วไป กลุ่ม 12 รุ่น 56 คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี
สมัครสมาชิก:
ความคิดเห็น (Atom)


